จะแยกหรือรวมตารางฐานข้อมูล

การออกแบบตารางฐานข้อมูลใน Excel ไม่ได้ต่างจากการใช้โปรแกรมฐานข้อมูลอื่น หากต้องการลดความซ้ำซ้อนของการกรอกข้อมูลและช่วยทำให้แฟ้มมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ต้องรู้จักการออกแบบตารางฐานข้อมูลแบบ Relational โดยแยกบันทึกข้อมูลออกเป็นตารางที่บันทึกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น แยกตารางบันทึกรหัสสินค้าชื่อสินค้า ตารางบันทึกการขาย ตารางบันทึกประวัติลูกค้าออกจากกัน เมื่อต้องการสรุปข้อมูลเป็นรายงานจึงใช้สูตรดึงรายละเอียดจากตารางที่แยกกันนี้มาแสดงในหน้ารายงาน

การสร้างตารางแบบ Relational ต่างจากการบันทึกแบบ Flat ที่บันทึกข้อมูลไว้ในตารางเดียว (โปรดอ่าน http://www.excelexperttraining.com/forums/content.php?r=507) แต่ทั้งนี้มิใช่ว่าทุกประเภทงานจำเป็นต้องแยกตารางแบบ Relational เสมอไป เพราะผู้ที่จะใช้ตารางแบบ Relational ได้สมบูรณ์ต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องสูตรและคำสั่งของ Excel เป็นอย่างดีจึงสามารถนำข้อมูลจากต่างตารางมาใช้ร่วมกันได้ ต่างจากการบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันไว้ในตารางเดียวแบบ Flat ที่ใช้เพียงคำสั่งบนเมนูมาจัดการหาคำตอบที่ต้องการก็ได้แล้ว เปิดกว้างให้ผู้ใช้งานทั่วไปนำตารางฐานข้อมูลแบบ Flat ไปใช้ประโยชน์ได้ยืดหยุ่นกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้บริหารซึ่งไม่เก่ง Excel นัก

หากมีสินค้าไม่กี่ประเภท เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจขายรถยนต์ ธุรกิจที่รับผลิตสินค้าตามคำสั่งพิเศษ ซึ่งมีรายการซื้อขายไม่มากนัก และไม่ต้องห่วงว่าแฟ้มบันทึกข้อมูลใหญ่มากจน Excel ทำงานช้าลงจนรอไม่ไหว อีกทั้งใช้ Excel 2007 เป็นต้นมาสามารถบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้ในตารางเดียวกัน เพราะในชีทหนึ่งๆมีมากกว่าหนึ่งล้าน row และหนึ่งหมื่นกว่า column จึงรับข้อมูลซื้อขายในแต่ละปีได้สบายมาก โดยออกแบบให้มีหัวตารางต่อไปนี้เรียงลำดับตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสินค้าแต่ละตัว เพื่อบันทึกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้าตัวนั้นๆในรายการเดียวตั้งแต่ต้นที่เกิดสินค้านั้นขึ้นจนจบกระบวนการขายและส่งสินค้า

  1. รหัสสินค้า
  2. ชื่อสินค้า
  3. สีของสินค้า
  4. ขนาดหรือคุณสมบัติเฉพาะของสินค้า
  5. วันที่สั่งซื้อสินค้า
  6. ชื่อพนักงานที่อนุมัติการซื้อ
  7. วันที่รับสินค้า
  8. ชื่อพนักงานที่ตรวจสอบการรับสินค้า
  9. ราคาต้นทุนของสินค้า
  10. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย
  11. สถานที่จัดเก็บหรือที่ตั้งสินค้า
  12. วันที่ลูกค้าจอง
  13. จำนวนเงินจอง
  14. ชื่อพนักงานขาย
  15. รหัสลูกค้าหรือชื่อลูกค้า
  16. จำนวนของแถมแต่ละชนิด
  17. วันที่ส่งสินค้าให้ลูกค้า
  18. ชื่อพนักงานส่งสินค้า
  19. หมายเลขใบส่งสินค้า
  20. หมายเลขเช็คของลูกค้า
  21. หมายเลขใบเสร็จรับเงิน
  22. จำนวนเงิน
  23. หมายเหตุอื่นๆ
เมื่อใดที่ต้องการบันทึกรายละเอียดเรื่องใหม่ให้กับสินค้า เพียงสั่ง Insert เพิ่ม column สำหรับบันทึกข้อมูลเหล่านั้น